fbpx

สรุปหุ้นกู้ หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ เข้าใจง่าย ไม่ยุ่งยาก

       

สรุปหุ้นกู้ หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ เข้าใจง่าย ไม่ยุ่งยาก

-หุ้นกู้ (Corporate Bond) คือ ตราสารหนี้ที่ออกโดยภาคเอกชน เพื่อระดมทุนสำหรับใช้ในกิจการต่างๆของบริษัท ผู้ซื้อ หุ้นกู้จะอยู่ในสถานะ “เจ้าหนี้” และบริษัทที่ออก หุ้นกู้จะอยู่ในสถานะ “ลูกหนี้” โดยบริษัทที่ออกหุ้นกู้จะจ่ายดอกเบี้ยตามที่ตกลงกันตลอดช่วงอายุของหุ้นกู้ และชำระเงินต้นคืน ณ วันครบกำหนดอายุ.

หุ้นกู้มีหลายประเภทที่สามารถแบ่งแยกตามลักษณะและเงื่อนไขต่าง ๆ ดังนี้:

  1. หุ้นกู้ บริษัท (Corporate Bonds): เป็นหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัท มักมีระยะเวลาและอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ล่วงหน้า บริษัทจะจ่ายดอกเบี้ยแก่ผู้ถือหุ้นกู้เป็นระยะเวลาที่กำหนด.
  2. หุ้นกู้ รัฐ (Government Bonds): หุ้นกู้ที่ออกโดยรัฐบาล มักมีความเสถียรและความเสี่ยงต่ำ รัฐบาลจะใช้หุ้นกู้เพื่อระดมทุนสำหรับโครงการต่าง ๆ.
  3. หุ้นกู้ มูลค่าคงที่ (Fixed-Rate Bonds): หุ้นกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอดระยะเวลาของหุ้นกู้.
  4. หุ้นกู้ มูลค่าเพิ่ม (Floating-Rate Bonds): หุ้นกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเปลี่ยนตามอัตราดอกเบี้ยตลาด.
  5. หุ้นกู้สิทธิการแลกเปลี่ยน (Convertible Bonds): หุ้นกู้ที่ผู้ถือสามารถแลกเปลี่ยนเป็นหุ้นสามัญของบริษัทตัวออก.
  6. หุ้นกู้สิทธิการซื้อ (Callable Bonds): หุ้นกู้ที่บริษัทออกมามีสิทธิการชำระคืนล่วงหน้าในกรณีบริษัทต้องการ.
  7. หุ้นกู้ที่เป็นสินทรัพย์ (Asset-Backed Bonds): หุ้นกู้ที่รองรับด้วยสินทรัพย์เช่นสินทรัพย์ไม้, รถยนต์, หรือหลักทรัพย์.
  8. หุ้นกู้ที่ไม่มีค่าตอบแทน (Zero-Coupon Bonds): หุ้นกู้ที่ไม่จ่ายดอกเบี้ยในระหว่างระยะเวลาและมีราคาต่ำกว่ามูลค่า.
  9. หุ้นกู้หนี้ล่าช้า (Junk Bonds): หุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงสูงและมักมีอัตราดอกเบี้ยสูง, มักออกโดยบริษัทที่มีความเสี่ยงสูง.
  10. หุ้นกู้ภายใต้เงื่อนไข (Conditional Bonds): หุ้นกู้ที่มีเงื่อนไขหรือข้อกำหนดเฉพาะ, เช่นหุ้นกู้ที่ออกเพื่อโครงการก่อสร้าง.

 

-หุ้นสามัญ (Common Stock) คือ ตราสารทุนที่ออกโดยบริษัทเอกชน ผู้ซื้อหุ้นสามัญจะอยู่ในสถานะ “ร่วมเป็นเจ้าของบริษัท” ซึ่งสัดส่วนความเป็นเจ้าของจะขึ้นอยู่กับจำนวนหุ้นสามัญที่เราถืออยู่ ผู้ถือหุ้นสามัญมีสิทธิในการออกเสียงลงมติในที่ประชุมผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนของหุ้นที่ถือครองอยู่ และมีสิทธิในการรับเงินปันผล และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ตามกฎหมาย.

หุ้นสามัญมีหลายประเภทที่สามารถแบ่งแยกตามลักษณะและสิทธิต่าง ๆ ดังนี้:

  1. หุ้นสามัญทั่วไป (Common Stocks): หุ้นที่มีสิทธิในการรับหน่วยเงินปันผล (Dividend) และสิทธิในการลงคะแนนเสียงในการประชุมของบริษัท.
  2. หุ้นสามัญโหวต (Voting Common Stocks): หุ้นสามัญที่มีสิทธิในการลงคะแนนเสียงเพื่อเลือกกรรมการบริษัท.
  3. หุ้นสามัญที่ไม่มีสิทธิลงคะแนนเสียง (Non-Voting Common Stocks): หุ้นสามัญที่ไม่มีสิทธิในการลงคะแนนเสียงในการประชุมของบริษัท.
  4. หุ้นสามัญพิเศษ (Class A Common Stocks): หุ้นสามัญที่มีสิทธิในการรับปันผลและสิทธิในการลงคะแนนเสียง.
  5. หุ้นสามัญปกติ (Preferred Common Stocks): หุ้นสามัญที่มีสิทธิในการรับปันผลแต่ไม่มีสิทธิในการลงคะแนนเสียง.
  6. หุ้นสามัญแบบสิทธิพิเศษ (Preferred Common Stocks with Special Rights): หุ้นสามัญที่มีสิทธิพิเศษเช่นสิทธิในการรับปันผลสูงกว่า.
  7. หุ้นสามัญที่มีการจำกัดสิทธิ (Restricted Common Stocks): หุ้นสามัญที่มีข้อจำกัดหรือเงื่อนไขในการแลกเปลี่ยนหรือการโอนสิทธิ.
  8. หุ้นสามัญที่มีราคาต่ำ (Low-Priced Common Stocks): หุ้นสามัญที่มีราคาต่ำกว่าหุ้นสามัญปกติ.

 

-หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) คือ ตราสารทุนประเภทหนึ่งที่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้สิทธิในการเป็นเจ้าของบริษัท แต่ไม่มีสิทธิออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้นและสิทธิในการการบริหาร แต่ยังคงได้ผลตอบแทนเป็นเงินปันผล (Dividend) ที่ไม่ต่างจากหุ้นสามัญ โดยสิทธิพิเศษของผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิคือสิทธิในการรับเงินลงทุนคืนก่อนผู้ถือหุ้นสามัญในกรณีที่บริษัทเลิกกิจการ.

หุ้นบุริมสิทธิมีหลายประเภท ซึ่งมีลักษณะและสิทธิต่าง ๆ ดังนี้:

  1. Preferred Stock (พรีเฟอร์ สต็อก): หุ้นบุริมสิทธิที่มีสิทธิในการรับปันผล (Dividend) ก่อนหุ้นสามัญและมักมีสิทธิพิเศษในการรับปันผลเพิ่มเติม.

หุ้นบุริมสิทธิเป็นวิธีการระดมทุนของบริษัทที่นิติบุคคลและนักลงทุนรักษาสิทธิในการรับปันผลและสิทธิในการรับทรัพย์สินของบริษัทอย่างเฉพาะเจาะจง

 

ความแตกต่างระหว่างหุ้นกู้และหุ้นสามัญ อยู่ที่ “สถานะและการรับผลประโยชน์” โดยผู้ซื้อหุ้นกู้จะมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ และจะได้รับผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ย ไม่ว่าบริษัทจะมีกำไรหรือขาดทุน รวมทั้งเงินต้นก็ต้องคืนตามเวลาที่กำหนด ในขณะที่ผู้ซื้อหุ้นสามัญจะมีสถานะเป็นเจ้าของบริษัท และอาจจะได้รับผลตอบแทนในรูปของการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นและเงินปันผล โดยกรณีที่บริษัทมีกำไร แต่ถ้าบริษัทขาดทุน ก็อาจจะไม่ได้รับเงินปันผลได้เช่นกัน.

หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) นั้นเป็นตราสารทุนที่มีลักษณะเป็นลูกผสมระหว่างหุ้นกู้และหุ้นสามัญ ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของกิจการเช่นเดียวกับหุ้นสามัญ แต่ไม่มีสิทธิออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้น เช่นเดียวกับหุ้นกู้ ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับเงินปันผลเช่นเดียวกับหุ้นสามัญ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นเงินปันผลในอัตราคงที่เช่นเดียวกับหุ้นกู้ หรือจะเป็นเงินปันผลที่มากหรือน้อยกว่าผู้ถือหุ้นสามัญได้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดในสัญญา.

นอกจากนี้หุ้นบุริมสิทธิมักจะไม่มีวันครบกำหนดไถ่ถอนหรือการชำระคืนเงินต้น ดังนั้นการลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิจึงถูกมองว่าเป็นการลงทุนระยะยาว คล้ายกับหุ้นสามัญ.

หุ้นบุริมสิทธิสำคัญต่อบริษัทโดยเฉพาะก็คือ ไม่ต้องก่อหนี้ทำให้เกิดภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายและทำให้การเงินของบริษัทแข็งแรงมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะไม่มีสิทธิออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งทำให้ผู้ถือหุ้นสามัญไม่ต้องกังวลเรื่องสัดส่วนการถือหุ้นของตนเอง ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรเมื่อออกเสนอขายหุ้นบุริมสิทธิ.

 

บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเผยแพร่ ดัดแปลง ทำซ้ำ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัท

SearchGoogleCorporateBond

บทความที่เกี่ยวข้อง