ดอกเบี้ยคงที่ ( Flat Rate ) กับ ดอกเบี้ยแบบลดลดดอก ( Effective) แตกต่างกันอย่างไร
ดอกเบี้ยคงที่หรือ Flat Rate คือ คำนวณดอกเบี้ยที่ผู้กู้ต้องชำระในการกู้ยืมเงิน ในระบบดอกเบี้ยคงที่นี้ อัตราดอกเบี้ยจะถูกคำนวณจากยอดเงินต้นเริ่มต้นที่กู้ไปทั้งหมดในรอบการชำระเงิน ซึ่งหมายความว่าผู้กู้จะต้องชำระดอกเบี้ยเท่ากันในทุกงวดการผ่อนชำระ ไม่ว่าเงินต้นคงเหลือจะน้อยลงเท่าไร ดังนั้น ผู้กู้จะชำระเป็นส่วนต่างกันระหว่างดอกเบี้ยและเงินต้นที่เหลือในแต่ละงวด.
ดอกเบี้ยลดต้นลดดอกหรือ Effective Rate คือ คำนวณดอกเบี้ยที่ผู้กู้ต้องชำระในการกู้ยืมเงิน ในระบบดอกเบี้ยลดต้นลดดอกนี้ อัตราดอกเบี้ยถูกคำนวณจากยอดเงินต้นคงเหลือที่เริ่มต้นที่สูงที่สุดในรอบการชำระเงิน ซึ่งหมายความว่าผู้กู้จะชำระดอกเบี้ยที่ต่ำลงในระยะเวลา เนื่องจากดอกเบี้ยถูกคำนวณจากยอดเงินต้นที่ลดลงตลอดระยะเวลาทำให้ผู้กู้ต้องชำระดอกเบี้ยและเงินต้นในแต่ละงวดเท่าๆกันในระยะเวลาแต่ละครั้ง.
ดอกเบี้ยแบบคงที่:
วิธีการคำนวณ:
- หากมีสินเชื่อกู้ยืมเงินที่ต้องการรู้ดอกเบี้ยคงที่ สามารถใช้สูตรต่อไปนี้:
ดอกเบี้ยคงที่ = (ยอดเงินต้น × อัตราดอกเบี้ย × ระยะเวลากู้ยืม) / 100
โดยที่:
- ยอดเงินต้น คือ จำนวนเงินที่คุณกู้ยืม
- อัตราดอกเบี้ย คือ อัตราดอกเบี้ยต่อปี (เป็นเปอร์เซ็นต์)
- ระยะเวลากู้ยืม คือ ระยะเวลาในการผ่อนชำระเงิน (เป็นเดือนหรือปี)
- ตัวอย่าง:
- ยอดเงินต้น = 100,000 บาท
- อัตราดอกเบี้ย = 5% ต่อปี
- ระยะเวลากู้ยืม = 2 ปี
ดอกเบี้ยคงที่ = (100,000 × 5% × 2) / 100 = 10,000 บาท
ดังนั้น, ค่าดอกเบี้ยที่ต้องชำระในระยะเวลา 2 ปีคือ 10,000 บาท.
หมายเหตุ: การคำนวณดอกเบี้ยคงที่ในสินเชื่อจริงอาจมีการคิดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ต้องรวมเข้าไปด้วยในยอดชำระเงินรวมของผู้กู้ยืม. ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถตรวจสอบได้จากสัญญากู้ยืมหรือธนาคารที่ให้บริการสินเชื่อของคุณ
ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก:
วิธีการคำนวณ:
1. หากต้องการคำนวณดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกให้ใช้สูตรต่อไปนี้:
ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก = ยอดเงินต้น × ((1 + อัตราดอกเบี้ย) ^ ระยะเวลากู้ยืม – 1)
โดยที่:
- ยอดเงินต้น คือ จำนวนเงินที่คุณกู้ยืม
- อัตราดอกเบี้ย คือ อัตราดอกเบี้ยต่อระยะเวลา (เป็นทศนิยม)
- ระยะเวลากู้ยืม คือ ระยะเวลาในการผ่อนชำระเงิน (เป็นปีหรือเดือน)
- ตัวอย่าง:
- ยอดเงินต้น = 100,000 บาท
- อัตราดอกเบี้ย = 5% ต่อปี
- ระยะเวลากู้ยืม = 2 ปี
ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก = 100,000 × ((1 + 0.05) ^ 2 – 1) = 10,250 บาท
ดังนั้น, ค่าดอกเบี้ยที่ต้องชำระในระยะเวลา 2 ปีคือ 10,250 บาท.
หมายเหตุ: การคำนวณดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกใช้สูตรทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น และสามารถใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือเครื่องคิดเลขเพื่อคำนวณได้ง่ายขึ้น
ข้อดีของดอกเบี้ยคงที่
- ความคงที่: ดอกเบี้ยคงที่มีอัตราดอกเบี้ยที่คงที่ตลอดระยะเวลาสินเชื่อ ทำให้ผู้กู้ทราบเสมอว่าจะต้องชำระเงินเท่าไรในแต่ละงวด และสามารถวางแผนการเงินได้ง่าย
- ความเสถียร: ดอกเบี้ยคงที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยตลาด ทำให้ผู้กู้ไม่ต้องกังวลกับการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยในอนาคต
- ความสะดวกสบาย: ดอกเบี้ยคงที่ช่วยให้ผู้กู้สามารถวางแผนการเงินได้ง่าย โดยทราบค่าดอกเบี้ยที่เสียในแต่ละเดือนหรืองวดการผ่อนชำระล่วงหน้า
- การเลือกประเภทการผ่อนชำระ: ดอกเบี้ยคงที่มักมีประเภทการผ่อนชำระที่หลากหลาย ที่ช่วยให้ผู้กู้สามารถเลือกตามความต้องการและสภาพการเงิน
ข้อเสียของดอกเบี้ยคงที่
- อัตราดอกเบี้ยสูง: ดอกเบี้ยคงที่มักมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าดอกเบี้ยลอยตัว ทำให้ผู้กู้ต้องจ่ายเงินดอกเบี้ยมากขึ้นในระยะยาว
- ข้อจำกัดในการลดดอกเบี้ย: ผู้กู้อาจไม่สามารถลดดอกเบี้ยหรือยกเลิกสัญญาก่อนกำหนดได้ง่าย และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีนี้
- ไม่เหมาะสำหรับระยะเวลาสั้น: ดอกเบี้ยคงที่มักไม่เหมาะสำหรับสินเชื่อที่มีระยะเวลาสั้น ๆ หรือการกู้ยืมที่ไม่ต้องการความคงที่ในการชำระเงิน
- ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยตลอดระยะเวลา: ผู้กู้อาจไม่สามารถใช้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยตลอดระยะเวลาหากมีเงินเก็บส่วนที่เหลือหรือต้องการชำระหนี้ล่วงหน้า
การเลือกใช้ดอกเบี้ยคงที่หรือดอกเบี้ยลอยตัวขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานการณ์การเงินของผู้กู้ หากต้องการความคงที่และสามารถวางแผนการเงินได้ง่าย ดอกเบี้ยคงที่เป็นทางเลือกที่ดี แต่ถ้าต้องการอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าและสามารถปรับตามตลาดได้ ดอกเบี้ยลอยตัวอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ข้อดีของดอกเบี้ยลดต้นลดดอก
- ชำระหนี้ได้เร็วขึ้น: ดอกเบี้ยลดต้นลดดอกช่วยให้ผู้กู้ชำระหนี้เร็วขึ้นเนื่องจากการชำระเงินในแต่ละงวดจะลดจำนวนเงินต้นที่ต้องชำระ ซึ่งทำให้หนี้ลดลงเร็วขึ้น.
- ประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย: ดอกเบี้ยลดต้นลดดอกช่วยในการประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยในระยะยาว เนื่องจากเงินต้นที่เหลือลดลงทุกครั้งที่ชำระหนี้ .
- สาระสำคัญเพิ่มขึ้น: เมื่อชำระหนี้เร็วขึ้น ผู้กู้จะมีโอกาสสะสมสาระสำคัญได้เร็วขึ้น เนื่องจากเงินต้นที่ประหยัดไว้สามารถลงทุนหรือใช้ในวัตถุประสงค์อื่นได้ .
- ลดราคาที่ต้องจ่ายในระยะยาว: ดอกเบี้ยลดต้นลดดอกช่วยในการลดราคาที่ต้องจ่ายในระยะยาว โดยลดการจ่ายดอกเบี้ยในแต่ละครั้งและลดราคารวมที่ต้องจ่ายในระยะเวลาของสินเชื่อ.
ข้อเสียของดอกเบี้ยลดต้นลดดอก
- ดอกเบี้ยเริ่มสูง: ในรอบแรกของสินเชื่อที่มีดอกเบี้ยลดต้นลดดอก อัตราดอกเบี้ยมักสูงกว่าสินเชื่อที่ใช้ระบบดอกเบี้ยคงที่.
- ข้อจำกัดในการลดดอกเบี้ยล่วงหน้า: ผู้กู้อาจไม่สามารถลดดอกเบี้ยหรือยกเลิกสัญญาก่อนกำหนดได้ง่าย และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีนี้.
- ไม่เหมาะสำหรับระยะเวลาสั้น: ดอกเบี้ยลดต้นลดดอกมักไม่เหมาะสำหรับสินเชื่อที่มีระยะเวลาสั้น ๆ หรือการกู้ยืมที่ไม่ต้องการความคงที่ในการชำระเงิน.
- ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยตลอดระยะเวลา: ผู้กู้อาจไม่สามารถใช้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยตลอดระยะเวลาหากมีเงินเก็บส่วนที่เหลือหรือต้องการชำระหนี้ล่วงหน้า.
โดยการเลือกใช้ดอกเบี้ยลดต้นลดดอกหรือดอกเบี้ยคงที่ขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานการณ์การเงินของผู้กู้ ควรพิจารณาให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจว่าค่านิยมใดเหมาะสมกับสถานการณ์ส่วนบุคคลของคุณ
บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเผยแพร่ ดัดแปลง ทำซ้ำ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัท