fbpx

ดอกเบี้ยคงที่ ( Flat Rate ) กับ ดอกเบี้ยแบบลดลดดอก ( Effective) แตกต่างกันอย่างไร

ดอกเบี้ยคงที่ ( Flat Rate ) กับ ดอกเบี้ยแบบลดลดดอก ( Effective) แตกต่างกันอย่างไร

 ดอกเบี้ยคงที่หรือ Flat Rate คือ คำนวณดอกเบี้ยที่ผู้กู้ต้องชำระในการกู้ยืมเงิน ในระบบดอกเบี้ยคงที่นี้ อัตราดอกเบี้ยจะถูกคำนวณจากยอดเงินต้นเริ่มต้นที่กู้ไปทั้งหมดในรอบการชำระเงิน ซึ่งหมายความว่าผู้กู้จะต้องชำระดอกเบี้ยเท่ากันในทุกงวดการผ่อนชำระ ไม่ว่าเงินต้นคงเหลือจะน้อยลงเท่าไร ดังนั้น ผู้กู้จะชำระเป็นส่วนต่างกันระหว่างดอกเบี้ยและเงินต้นที่เหลือในแต่ละงวด.

ดอกเบี้ยลดต้นลดดอกหรือ Effective Rate คือ คำนวณดอกเบี้ยที่ผู้กู้ต้องชำระในการกู้ยืมเงิน ในระบบดอกเบี้ยลดต้นลดดอกนี้ อัตราดอกเบี้ยถูกคำนวณจากยอดเงินต้นคงเหลือที่เริ่มต้นที่สูงที่สุดในรอบการชำระเงิน ซึ่งหมายความว่าผู้กู้จะชำระดอกเบี้ยที่ต่ำลงในระยะเวลา เนื่องจากดอกเบี้ยถูกคำนวณจากยอดเงินต้นที่ลดลงตลอดระยะเวลาทำให้ผู้กู้ต้องชำระดอกเบี้ยและเงินต้นในแต่ละงวดเท่าๆกันในระยะเวลาแต่ละครั้ง.

 

ดอกเบี้ยแบบคงที่:

วิธีการคำนวณ:

  1. หากมีสินเชื่อกู้ยืมเงินที่ต้องการรู้ดอกเบี้ยคงที่ สามารถใช้สูตรต่อไปนี้:

ดอกเบี้ยคงที่ = (ยอดเงินต้น × อัตราดอกเบี้ย × ระยะเวลากู้ยืม) / 100

โดยที่:

  • ยอดเงินต้น คือ จำนวนเงินที่คุณกู้ยืม
  • อัตราดอกเบี้ย คือ อัตราดอกเบี้ยต่อปี (เป็นเปอร์เซ็นต์)
  • ระยะเวลากู้ยืม คือ ระยะเวลาในการผ่อนชำระเงิน (เป็นเดือนหรือปี)
  1. ตัวอย่าง:
    • ยอดเงินต้น = 100,000 บาท
    • อัตราดอกเบี้ย = 5% ต่อปี
    • ระยะเวลากู้ยืม = 2 ปี

ดอกเบี้ยคงที่ = (100,000 × 5% × 2) / 100 = 10,000 บาท

ดังนั้น, ค่าดอกเบี้ยที่ต้องชำระในระยะเวลา 2 ปีคือ 10,000 บาท.

หมายเหตุ: การคำนวณดอกเบี้ยคงที่ในสินเชื่อจริงอาจมีการคิดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ต้องรวมเข้าไปด้วยในยอดชำระเงินรวมของผู้กู้ยืม. ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถตรวจสอบได้จากสัญญากู้ยืมหรือธนาคารที่ให้บริการสินเชื่อของคุณ

ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก:

วิธีการคำนวณ:
1. หากต้องการคำนวณดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกให้ใช้สูตรต่อไปนี้:

ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก = ยอดเงินต้น × ((1 + อัตราดอกเบี้ย) ^ ระยะเวลากู้ยืม – 1)

โดยที่:

  • ยอดเงินต้น คือ จำนวนเงินที่คุณกู้ยืม
  • อัตราดอกเบี้ย คือ อัตราดอกเบี้ยต่อระยะเวลา (เป็นทศนิยม)
  • ระยะเวลากู้ยืม คือ ระยะเวลาในการผ่อนชำระเงิน (เป็นปีหรือเดือน)
  1. ตัวอย่าง:
    • ยอดเงินต้น = 100,000 บาท
    • อัตราดอกเบี้ย = 5% ต่อปี
    • ระยะเวลากู้ยืม = 2 ปี

ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก = 100,000 × ((1 + 0.05) ^ 2 – 1) = 10,250 บาท

ดังนั้น, ค่าดอกเบี้ยที่ต้องชำระในระยะเวลา 2 ปีคือ 10,250 บาท.

หมายเหตุ: การคำนวณดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกใช้สูตรทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น และสามารถใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือเครื่องคิดเลขเพื่อคำนวณได้ง่ายขึ้น

ข้อดีของดอกเบี้ยคงที่

  1. ความคงที่: ดอกเบี้ยคงที่มีอัตราดอกเบี้ยที่คงที่ตลอดระยะเวลาสินเชื่อ ทำให้ผู้กู้ทราบเสมอว่าจะต้องชำระเงินเท่าไรในแต่ละงวด และสามารถวางแผนการเงินได้ง่าย
  2. ความเสถียร: ดอกเบี้ยคงที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยตลาด ทำให้ผู้กู้ไม่ต้องกังวลกับการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยในอนาคต
  3. ความสะดวกสบาย: ดอกเบี้ยคงที่ช่วยให้ผู้กู้สามารถวางแผนการเงินได้ง่าย โดยทราบค่าดอกเบี้ยที่เสียในแต่ละเดือนหรืองวดการผ่อนชำระล่วงหน้า
  4. การเลือกประเภทการผ่อนชำระ: ดอกเบี้ยคงที่มักมีประเภทการผ่อนชำระที่หลากหลาย ที่ช่วยให้ผู้กู้สามารถเลือกตามความต้องการและสภาพการเงิน

ข้อเสียของดอกเบี้ยคงที่

  1. อัตราดอกเบี้ยสูง: ดอกเบี้ยคงที่มักมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าดอกเบี้ยลอยตัว ทำให้ผู้กู้ต้องจ่ายเงินดอกเบี้ยมากขึ้นในระยะยาว
  2. ข้อจำกัดในการลดดอกเบี้ย: ผู้กู้อาจไม่สามารถลดดอกเบี้ยหรือยกเลิกสัญญาก่อนกำหนดได้ง่าย และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีนี้
  3. ไม่เหมาะสำหรับระยะเวลาสั้น: ดอกเบี้ยคงที่มักไม่เหมาะสำหรับสินเชื่อที่มีระยะเวลาสั้น ๆ หรือการกู้ยืมที่ไม่ต้องการความคงที่ในการชำระเงิน
  4. ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยตลอดระยะเวลา: ผู้กู้อาจไม่สามารถใช้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยตลอดระยะเวลาหากมีเงินเก็บส่วนที่เหลือหรือต้องการชำระหนี้ล่วงหน้า

การเลือกใช้ดอกเบี้ยคงที่หรือดอกเบี้ยลอยตัวขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานการณ์การเงินของผู้กู้ หากต้องการความคงที่และสามารถวางแผนการเงินได้ง่าย ดอกเบี้ยคงที่เป็นทางเลือกที่ดี แต่ถ้าต้องการอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าและสามารถปรับตามตลาดได้ ดอกเบี้ยลอยตัวอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

 


ข้อดีของดอกเบี้ยลดต้นลดดอก

  1. ชำระหนี้ได้เร็วขึ้น: ดอกเบี้ยลดต้นลดดอกช่วยให้ผู้กู้ชำระหนี้เร็วขึ้นเนื่องจากการชำระเงินในแต่ละงวดจะลดจำนวนเงินต้นที่ต้องชำระ ซึ่งทำให้หนี้ลดลงเร็วขึ้น.
  2. ประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย: ดอกเบี้ยลดต้นลดดอกช่วยในการประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยในระยะยาว เนื่องจากเงินต้นที่เหลือลดลงทุกครั้งที่ชำระหนี้ .
  3. สาระสำคัญเพิ่มขึ้น: เมื่อชำระหนี้เร็วขึ้น ผู้กู้จะมีโอกาสสะสมสาระสำคัญได้เร็วขึ้น เนื่องจากเงินต้นที่ประหยัดไว้สามารถลงทุนหรือใช้ในวัตถุประสงค์อื่นได้ .
  4. ลดราคาที่ต้องจ่ายในระยะยาว: ดอกเบี้ยลดต้นลดดอกช่วยในการลดราคาที่ต้องจ่ายในระยะยาว โดยลดการจ่ายดอกเบี้ยในแต่ละครั้งและลดราคารวมที่ต้องจ่ายในระยะเวลาของสินเชื่อ.

ข้อเสียของดอกเบี้ยลดต้นลดดอก

  1. ดอกเบี้ยเริ่มสูง: ในรอบแรกของสินเชื่อที่มีดอกเบี้ยลดต้นลดดอก อัตราดอกเบี้ยมักสูงกว่าสินเชื่อที่ใช้ระบบดอกเบี้ยคงที่.
  2. ข้อจำกัดในการลดดอกเบี้ยล่วงหน้า: ผู้กู้อาจไม่สามารถลดดอกเบี้ยหรือยกเลิกสัญญาก่อนกำหนดได้ง่าย และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีนี้.
  3. ไม่เหมาะสำหรับระยะเวลาสั้น: ดอกเบี้ยลดต้นลดดอกมักไม่เหมาะสำหรับสินเชื่อที่มีระยะเวลาสั้น ๆ หรือการกู้ยืมที่ไม่ต้องการความคงที่ในการชำระเงิน.
  4. ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยตลอดระยะเวลา: ผู้กู้อาจไม่สามารถใช้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยตลอดระยะเวลาหากมีเงินเก็บส่วนที่เหลือหรือต้องการชำระหนี้ล่วงหน้า.

โดยการเลือกใช้ดอกเบี้ยลดต้นลดดอกหรือดอกเบี้ยคงที่ขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานการณ์การเงินของผู้กู้ ควรพิจารณาให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจว่าค่านิยมใดเหมาะสมกับสถานการณ์ส่วนบุคคลของคุณ

 

บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเผยแพร่ ดัดแปลง ทำซ้ำ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัท

SearchGoogleFlatRate

บทความที่เกี่ยวข้อง